บทความนี้จะอธิบายเกี่ยวกับไวยากรณ์ของสูตรและการใช้ฟังก์ชัน N ใน Microsoft Excel
คำอธิบาย
ส่งกลับค่าที่ถูกแปลงไปเป็นตัวเลข
ไวยากรณ์
N(value)
ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน N มีอาร์กิวเมนต์ดังนี้
-
ค่า จำเป็น ค่าที่คุณต้องการแปลง N จะแปลงค่าที่แสดงในตารางต่อไปนี้
ถ้าค่าเป็นหรืออ้างอิงไปยัง |
ฟังก์ชัน N ส่งกลับค่า |
ตัวเลข |
ตัวเลขนั้น |
วันที่ในรูปแบบวันที่เพิ่มเติมแบบที่มีอยู่แล้วภายในของ Microsoft Excel |
เลขลำดับของวันที่นั้น |
TRUE |
1 |
FALSE |
0 |
ค่าความผิดพลาด เช่น #DIV/0! |
ค่าความผิดพลาด |
ค่าอื่นๆ |
0 |
ข้อสังเกต
-
โดยทั่วไปแล้วไม่จําเป็นต้องใช้ฟังก์ชัน N ในสูตร เนื่องจาก Excel จะแปลงค่าตามความจําเป็นโดยอัตโนมัติ ฟังก์ชันนี้มีไว้เพื่อความเข้ากันได้กับโปรแกรมสเปรดชีตอื่นๆ
-
Excel จะเก็บข้อมูลวันที่เป็นเลขลำดับต่อเนื่องเพื่อให้นำมาใช้ในการคำนวณได้ ตามค่าเริ่มต้น วันที่ 1 มกราคม 1900 จะมีเลขลำดับเป็น 1 และวันที่ 1 มกราคม 2008 จะมีเลขลำดับเป็น 39448 เนื่องจากอยู่หลังจากวันที่ 1 มกราคม 1900 เป็นเวลา 39,448 วัน
ตัวอย่าง
คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของเวิร์กชีต Excel ใหม่ สำหรับสูตรที่จะแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าคุณต้องการ คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมดได้
ข้อมูล |
||
7 |
||
เลขคู่ |
||
TRUE |
||
17/4/2554 |
||
สูตร |
คำอธิบาย |
ผลลัพธ์ |
=N(A2) |
เนื่องจาก A2 มีตัวเลขอยู่ ดังนั้นจะส่งกลับค่าตัวเลข |
7 |
=N(A3) |
เนื่องจาก A3 มีข้อความอยู่ ดังนั้นจะส่งกลับค่า 0 |
0 |
=N(A4) |
เนื่องจาก A4 เป็นค่าตรรกะ TRUE ดังนั้นจึงส่งกลับค่า 1 |
1 |
=N(A5) |
เนื่องจาก A5 เป็นวันที่ ดังนั้นจึงส่งกลับเลขลำดับของวันที่ (ซึ่งแตกต่างกันไปตามระบบวันที่ที่ใช้) |
40650 |
=N("7") |
เนื่องจาก "7" เป็นข้อความ ดังนั้นจึงส่งกลับค่า 0 |
0 |