Applies ToSharePoint Server 2019 SharePoint Server 2016 SharePoint Server 2013 SharePoint Server 2013 Enterprise SharePoint ใน Microsoft 365 SharePoint Foundation 2010 SharePoint Server 2010 SharePoint Server 2007 SharePoint ใน Microsoft 365 Small Business Windows SharePoint Services 3.0

ฟังก์ชัน FIND จะค้นหาสตริงข้อความหนึ่งสตริง (find_text) ภายในสตริงข้อความสตริงอื่น (within_text) และส่งกลับตัวเลขตำแหน่งเริ่มต้นของ find_text โดยนับจากอักขระตัวแรกของ within_text คุณสามารถใช้ SEARCH เพื่อค้นหาสตริงข้อความสตริงหนึ่งในสตริงอื่นได้ แต่ FIND จะต่างจาก SEARCH ตรงที่จะพิจารณาแบบตรงตามตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก และไม่อนุญาตให้ใช้อักขระตัวแทน

ไวยากรณ์

FIND(find_text,within_text,start_num)

find_text     คือข้อความที่ต้องการค้นหา

within_text     คือข้อความที่มีข้อความที่ต้องการค้นหา

start_num     ระบุอักขระที่ต้องการให้เริ่มทำการค้นหา โดยอักขระตัวแรกใน within_text จะเป็นอักขระหมายเลข 1 ถ้าคุณไม่ได้ใส่ค่าให้กับ start_num จะถือว่าค่านั้นเป็น 1

นอกจากนี้คุณยังสามารถใช้ start_num เพื่อข้ามจำนวนอักขระที่ระบุได้ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าคุณทำงานอยู่กับสตริงข้อความ "AYF0093.YoungMensApparel" เมื่อต้องการค้นหาตำแหน่งของอักขระ "Y" ตัวแรกที่ปรากฏอยู่ในส่วนอธิบายของสตริงข้อความ ก็ให้ตั้งค่า start_num เท่ากับ 8 เพื่อป้องกันไม่ให้มีการค้นหาส่วนที่เป็นหมายเลขลำดับของข้อความ โดยฟังก์ชัน FIND จะเริ่มการค้นหาที่อักขระตัวที่ 8 แล้วค้นหาค่า find_text ที่อักขระถัดไป จากนั้นจะส่งกลับตำแหน่งหมายเลข 9 มาให้ ฟังก์ชัน FIND จะส่งกลับหมายเลขของอักขระที่นับจากตำแหน่งเริ่มต้นของค่า within_text เสมอ และจะนับอักขระที่คุณข้ามด้วยถ้าค่า start_num มากกว่า 1

ข้อสังเกต

  • ถ้า find_text เป็น "" (ว่าง) ฟังก์ชัน FIND จะส่งกลับค่าตำแหน่งของอักขระตัวแรกในสตริงการค้นหา (นั่นคือตำแหน่งของอักขระที่เริ่มค้นหา หรือ 1)

  • find_text ไม่สามารถมีอักขระตัวแทนใดๆ ได้

  • ถ้า find_text ไม่มีอยู่ใน within_text ฟังก์ชัน FIND จะส่งกลับ #VALUE! เป็นค่าความผิดพลาด

  • ถ้า start_num ไม่มากกว่าศูนย์ ฟังก์ชัน FIND จะส่งกลับ #VALUE! เป็นค่าความผิดพลาด

  • ถ้า start_num มากกว่าความยาวของ within_text ฟังก์ชัน FIND จะส่งกลับ #VALUE! เป็นค่าความผิดพลาด

ตัวอย่างชุดที่ 1

สูตร

คำอธิบาย (ผลลัพธ์)

=FIND("M","Miriam McGovern")

ตำแหน่งของอักขระ "M" ตัวแรกในสตริง (1)

=FIND("m","Miriam McGovern")

ตำแหน่งของอักขระ "m" ตัวแรกในสตริง (6)

=FIND("M","Miriam McGovern",3)

ตำแหน่งของอักขระ "M" ตัวแรกในสตริง โดยเริ่มนับจากอักขระตัวที่สาม (8)

ตัวอย่างชุดที่ 2

Col1

สูตร

คำอธิบาย (ผลลัพธ์)

Ceramic Insulators #124-TD45-87

=MID([Col1],1,FIND(" #",[Col1],1)-1)

แยกข้อความตั้งแต่ตำแหน่งที่ 1 จนถึงตำแหน่ง "#" ในสตริงออกมา (Ceramic Insulators)

Copper Coils #12-671-6772

=MID([Col1],1,FIND(" #",[Col1],1)-1)

แยกข้อความตั้งแต่ตำแหน่งที่ 1 จนถึงตำแหน่ง "#" ในสตริงออกมา (Copper Coils)

Variable Resistors #116010

=MID([Col1],1,FIND(" #",[Col1],1)-1)

แยกข้อความตั้งแต่ตำแหน่งที่ 1 จนถึงตำแหน่ง "#" ในสตริงออกมา (Variable Resistors)

ต้องการความช่วยเหลือเพิ่มเติมหรือไม่

ต้องการตัวเลือกเพิ่มเติมหรือไม่

สํารวจสิทธิประโยชน์ของการสมัครใช้งาน เรียกดูหลักสูตรการฝึกอบรม เรียนรู้วิธีการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์ของคุณ และอื่นๆ

ชุมชนช่วยให้คุณถามและตอบคําถาม ให้คําติชม และรับฟังจากผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้มากมาย